หนัง GTH ฟรีแลนซ์ เนื้อเรื่อง เป็นอย่างไร?
หนัง GTH เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ ยุ่น นำแสดงโดย ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ ที่มีอาชีพกราฟฟิกฟรัแลนซ์ และมักจะได้รับงานจากเพื่อนสนิทของเขาอย่าง เจ๋ นำแสดงโดย วีโอเลต วอเทียร์ ืที่มักคอยส่งงานมาให้ยุ่นอยู่เสมอนั้นเอง จนทำให้เขานั้นกลายเป็น กราฟฟิกที่ใครหลายคนให้การยอมรับ ด้วยฝีมือและเวลาที่รวดเร็ว ช่วงเวลาดึกยุ่นมักจะชอบกิน ขนมจีบกุ้งอยู่เป็นประจำ
เพราะเป็นของชอบในยามค่ำคืน จนกระทั่งเขาได้รับงานหนึ่งมา ซึ่งเป็นความท้าทายใหม่สำหรับเขา ในการทำงานช่วงระยะเวลาสั้นๆ เขาจึงเริ่มต้นทำด้วยความอดหลับอดนอน เพื่อให้งานของเขาเสร็จสิ้นไปด้วยดีนั้นเอง
จนกระทั่งวันหนึ่งตัวของเขา เริ่มมีตุมแพ้อะไรบ้างอย่าง ขึ้นบริเวณต้นคอของเขารวมถึงส่วนอื่นๆ ที่เพิ่มขึ้นในแต่ละวันนั้นเอง ด้วยความคันของมัน ทำให้ยุ่นเกิดความรำคาญและเป็นอุปสรรค ต่อการทำงานเป็นอย่างมากนั้นเอง
จึงทำให้เขาตัดสินใจไปหาหมอ แต่ด้วยเป็นโรงบาลเอกชน ทำให้ค่าใช้จ่ายแพงเป็นอย่างมาก ทำให้วันต่อไปเขาเลือกที่จะไปใช้โรงพยาบาลรัฐ แต่กลับพบแถวที่ยาวเยียดของคน ที่มารอตรวจกันนั้นเอง แต่ด้วยการรอคอยที่ยาวนาน
ทำให้ยุ่นนั้นเลือกที่จะไม่รอและกลับไปทำงานเหมือนเดิม ชีวิตของเขาเวลาส่วนใหญ่ ก็คือการทำงานขนาดงานศพพ่อของเพื่อน ตัวของเขาเองก็ยังต้องหาไวไฟที่วัด ในการส่งงานเลยนั้นเอง แต่ด้วยอาการผืนที่กำเริบและสร้างความรำคาญ
ให้กับยุ่นอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้เขาตัดสินใจไปยังโรงพยาบาลรัฐที่เดิม ทีนี้เขาตั้งใจรอคิวอย่างจดใจจ่อ ถึงขั้นเขาเอางานมาทำขณะนั่งรอกันเลยทีเดียว จนกระทั่งเขาได้พบกับหมอ อิม นำแสดงโดย ดาวิกา โฮร์เน่ ที่เป็นหมอเจ้าของอาการ
เธอได้ขอดูผื่นของยุ่น เมื่อเธอพบเห็นผื่นที่ขึ้นตามที่ต่างๆ จึงทำให้รู้เลยว่าเป็นคนชอบกินอาหารทะเล และขอให้ยุ่นงดการทานอาหารทะเล รวมถึงให้ยาไปชนิดหนึ่ง ที่กินแล้วจะทำให้ง่วงนอน จากนั้นจะกลับมานัดใหม่นั้นเอง
เมื่อยุ่นกลับไปพร้อมยาที่เพิ่งได้มา เขาก็ได้ท้าทายตัวเองด้วยการกินยา และนั่งทำงานในค่ำคืนนั้นจนกระทั่งยาออกฤทธิ์ ทำให้เขาเผลอหลับไปในคืนนั้นนั่นเอง จนกระทั่งเช้ามางานของเขายังไม่เสร็จ ทำให้เจ๋เพื่อนสนิทของเขา
กลับมองว่ายุ่นนั้นประสิทธิภาพการทำงานแย่ลง โดยเฉพาะรูปที่ยุ่นเร่งทำจนเกิดความผิดพลาด และได้ให้รุ่นน้องที่เป็นคู่แข็งของยุ่น แก้งานให้แล้วเรียบร้อยนั้นเอง จึงทำให้ยุ่นไม่พอใจเป็นอย่างมาก ที่ใช้น้องคนที่เป็นคู่แข่งของเขา
แต่เจ๋เองมองแค่ต้องการเห็นงานที่เสร็จและเนียบนั้นเอง จนกระทั่งเธอมาเห็นแผลเของยุ่น ทำให้เธอนั้นรู้สึกกังวลในเรื่องการทำงาน จึงได้ขอเลื่อนโปรเจคไปให้ยุ่น แต่เขานั้นกลับปฎิเสธการช่วยเหลือ และเขาจะทำงานชิ้นนั้นให้เสร็จ
ยุ่นได้กลับมาทำงานอีกครั้ง งดยาและการพักผ่อนไว ตามที่หมอได้สั่งเอาไว้นั้นเอง แถมคราวนี้เขาเลือกที่จะ ห้ามใจตัวเองกินขนมจีบกุ้งไม่ได้ ทำให้ผื่นกลับมาเต็มตัวขึ้นอีกครั้ง จนกระทั่งถึงวันนัดที่หมอนัดเอาไว้ มาเห็นรอยที่มากขึ้นกว่าเดิม
จึงทำให้หมอไม่พอใจในตัวยุ่น ที่ไม่ใส่ใจตัวเอง ทำให้ยุ่นนั้นเริ่มจะรู้สึกรักหมอ เพราะหมอกำลังเป็นห่วงยุ่นอยู่นั้นเอง เขาได้อธิบายถึงการทำงานของเขา ที่มันไม่เป็นเวลา รวมถึงยาที่กินแล้วทำให้เขาหลับนั้นเอง จึงทำให้หมอได้ให้ยาตัวใหม่ไป
และแนะนำให้ยุ่นดูแลตัวเอง ยุ่นหลังจากที่กลับมาจากหาหมอ เขาได้เริ่มเชื่อฟังคำพูดของหมอ ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย นอนไว หรือแม้กระทั่งกินอาหารที่มีประโยชน์ ในช่วงที่เขารักษาอยู่นั้น งานของเขาก็เริ่มค่อยๆหายไป
จนกระทั่งเขาไม่มีงานเลยในเดือนนั้น เพราะเขาทำการรักษา รวมถึงเจ๋เองก็งดส่งงานให้ยุ่นนั้นเอง ด้วยความว่างเปล่าของเดือน ทำให้มีงานด่วนเข้ามาเป็นโปรเจกแสนโหด แต่ทำให้ยุ่นนั้นกลับมามีหน้ามีตาในสังคมกราฟฟิกอีกครั้ง
โดยคนที่มอบงานให้นั้นเป็นรุ่นพี่ของยุ่นเอง โดยสเกลงานนั้นค่อนข้างใหญ่ และด้วยระยะเวลาที่รวดเร็ว ทำให้ยุ่นต้องกลับมาอดหลับอดนอน เพื่อให้งานนี้เสร็จด้วยการอดหลับอดนอนอีกครั้ง จากแผลตุมที่ค่อยๆหายไป
ได้กลับมาขึ้นเหมือนเดิมอีกครั้ง คราวนี้ยุ่นได้ท้าทายตัวเองด้วยการ อดหลับอดนอนเป็นเวลา 4 วัน จนร่างกายถึงขีดสุด ทำให้เขานั้นสลบล้มลงในบ้านของเขา พร้อมกับเห็นภาพงานวันศพของเขา ที่มีคนรอบข้างมาเยี่ยมนั้นเอง
จนกระทั่งเขาตื่นมาพบว่าตนอยู่ในโรงพยาบาล พร้อมกับรุ่นพี่ของเขาที่เร่งงานเขาถึงเตียงผู้ป่วย ถึงกระทั้งยกคอมมาไว้ยังเตียงผู้ป่วยเลยทีเดียว ทำให้เขาไม่มีทางเลือก จึงต้องทำงานต่อในขณะที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย
jจนกระทั่งเจ๋มารู้เข้าว่ายุ่นกลับมารับงาน ที่มีสเกลใหญ่และใช้เวลาอย่างมาก แต่กลับมาเจอคนที่เร่งเอาแบบนี้ จึงทำให้ยุ่นเองเลือกทิ้งงานและรักษาชีวิตตนเอง จนเขาได้มาพบหมออีกครั้งในนัดสุดท้าย ตัวของเขาเองไม่มีอาการแล้ว ทำให้หมอบอกกับยุ่นว่าไม่ต้องมาละนะ เพราะอาการของเขาเริ่มดีขึ้นแล้ว นับว่าเป็นโมเม้นอย่างหนึ่งที่ยุ่น ได้เรียนรู้สิ่งดีๆจากหมอมานั้นเอง
หนัง GTH ฟรีแลนซ์กระแส เป็นอย่างไร?
หนังเรื่องนี้ได้เข้าฉายในปี พ.ศ. 2558 นับว่าเป็นหนังอีกเรื่องหนึ่ง ของผู้กำกับอย่าง นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ ที่ทำให้กลุ่มแฟนคลับของเขา ที่เคยชื่นชอบและติดตามผลงานของเขาอย่าง Marry is Happy หรือเรื่อง 36 ที่เคยฝากความเหงาและความรู้สึกเอาไว้นั้นเอง นับว่าเป็นหนังไทยที่มีสไตล์การเล่าเรื่อง ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะเป็นอย่างมาก ด้วยวิธีการเล่าเรื่องหรือจังหวะของหนัง
เป็นตัวของตัวเองมากๆ หลายๆคนอาจมองว่า เต๋อ นวพลนั้น สร้างหนังที่ดูแล้วเข้าใจยาก เพราะด้วยตัวของเขาที่เติบโตมาจาก หนังนอกกระแสอย่างที่เขาถนัด จนนำมาสู่หนังเรื่องนี้ที่มีสไตล์การเล่าเรื่องในแบบของตัวเอง
และะสามารถดูแล้วเข้าใจได้ง่าย กว่าหนังเรื่องอื่นๆของเขานั้นเอง ทำให้ชื่อเสียงของเต๋อในปีนั้นเอง พุ่งทะยานอย่างไม่มีสิ้นสุด ไม่ว่าเขาจะออกหนังสั้นอะไรมาในช่องของตัวเอง ผู้คนต่างติดตามผลงานของเขา รวมถึงชอบหนังเรื่องนี้กันมากนั้นเอง
เพรราะ ด้วยเป็นงานเรื่องแรกของเขา ที่เขาถ่ายทอดหนังเรื่องนี้ ให้คนดูเข้าใจได้ง่ายมากขึ้นนั้นเอง เรียกได้ว่านวพลนั้นมีความ ลงตัวในการทำหนังที่สองฝั่งมาบรรจบกัน นั้นก็คืองานแมสและงานอาร์ตนั้นเอง
ฟรีแลนซ์ มี สิ่งที่น่าสนใจอย่างไร?
ด้วยความเป็นหนังของ เต๋อ นวพล แน่นอนว่าพล็อตเรื่องต้องมีความแปลก แหวกแนวอย่างแน่นอน โดยเฉพาะวิธีการเล่าเรื่องของเขานั้น เรียกได้ว่าหนังเรื่องนี้ เคยสร้างกระแสสังคมมาแล้วนั้นเอง โดยเฉพาะท่าทางหรือความคิดของตัวละคร ที่มักเป็นกระแสอย่างหนึ่งของวัยรุ่นช่วงนั้น ผู้คนมักพูดในใจหรืออุทาน เหมือนกับตัวละครเอกมากขึ้นนั้นเอง โดยเฉพาะบทสนทนาของหนังเรื่องนี้
ที่เป็นประโยคสั้นๆแต่สามารถ สร้างความจดจำให้กับผู้ชม และอินไปกับเนื้อเรื่องได้นั้นเอง ถึงแม้ผลงานก่อนๆของผู้กำกับท่านี้ จะเป็นงานนอกกระแสซึ่งคนทั่วไป อาจจะไม่เข้าใจผลงานเก่าๆของเขา แต่สำหรับเรื่องนี้แล้วเชื่อว่า
ใครหลายๆคนก็สามารถดูรู้เรื่องได้ ไม่ถึงขั้นทำเอางุนงงหาที่มาที่ไปไม่ได้นั้นเอง โดยในเรื่องมีความเป็นแบล็คคอมเมดี้ ที่บอกเล่าถึงปัญหาเล็กๆน้อยๆภายใจสังคม ถึงแม้จะเป็นเรื่องขำๆในหนัง แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้นก็คือปัญหาอย่างหนึ่ง
ของสังคมประเทศเรานั้นเอง ด้วยความแปลกใหม่ของหนังเรื่องนี้ ได้พาให้หนังเรื่องนี้ได้รับรางวัล ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม จากรางวัลภาพยนตร์แห่งชาติสุพรรณหงส์ ในปีนั้นเองด้วย นับว่าเป็นกระแสใหม่อย่างหนึ่ง ของวงการหนังไทยที่มีการเอา
ความเป็นหนังอาร์ตมาผสมผสานเข้ากับหนังแมท จึงทำให้คนดูในหลายๆกลุ่ม สามารถเข้าถึงผลงานเรื่องนี้ได้นั้นเอง ทำให้หนังเรื่องนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่เป็นตำนานและเป็นอักเรื่องหนึ่ง ที่หากใครจะยกตัวอย่างหนังแบล็คคอมเมดี้ซะเรื่อง คงจะต้องนึกถึงเรื่องนี้อย่างแน่นอน และยังคงเป็นหนังวัยรุ่นที่ครองใจ ผู้คนมาตั้งแต่เข้าโรงฉายแล้วนั้นเอง
ไอเดียของหนังเรื่องนี้เป็นอย่างไร?
หนังได้บอกเล่าเรื่องราวของอาชีพฟรีแลนซ์ ที่น้อยคนจะรู้จักวงการนี้และความเป็นอยู่ กับการทำงานที่ไม่เป็นเวลานั้นเอง และต้องดิ้นรนอยู่ตลอดเวลารักษามาตฐาน เพื่อไม่ให้ตนเองพลาดโอกาส ในการทำงานนั้นเอง อีกทั้งยังต้องแลกมาด้วยสุขภาพ ที่แลกกับรายได้จากการทำงาน เพื่อในท้ายที่สุดเราก็เอาเงินมารักษาตัวเอง รวมถึงการรักษาพยาบาลของประเทศ
ที่มีบริการไม่เพียงพอต่อความต้องการ เหมือนกับแถวของคนมารอตรวจในเรื่องนั้นเอง ทำให้เห็นว่าหนังเรื่องนี้ได้หยิบยก เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของสังคมมาใส่ไว้ในเรื่อง จึงทำให้หนังเรื่องนี้มีความสนุก รวมถึงความเซอร์เรียล
ที่ทำให้คุณไม่อาจตั้งคำถามกับมันได้นั้นเอง ด้วยกรอบแนวคิดของเต๋อ ได้สร้างสรรค์ผลงานชิ้นนี้ให้ออกมา ลุกเล่นตลก ร้ายต่างๆที่เข้ามาสอดแทรก ผ่านมุมมองของเต๋อ นวพล คนนี้นั้นเอง นับว่าเป็นปัญหาสังคมของอาชีพฟรีแลนซ์
ที่ได้รับโอกาสทางการดูแลน้อยกว่าคนที่ทำงานประจำ ทั้งๆที่คนทำงานฟรีแลนซ์ก็จ่ายภาษีเยอะเช่นกัน จึงเหมือนเป็นภาพสะท้อนปัญหา และความจริงของอาชีพนี้ที่ทุกคน จะต้องแข็งแกร่งอยู่เสมอ กับการแข่งขันที่สูงนั้นเอง
สรุปสิ่งที่ได้จากการดูฟรีแลนซ์เป็นอย่างไร?
นับว่าเป็นหนังแบล็คคอมเมดี้อีกเรื่อง เสียดสีกับสังคมและเรื่องต่างๆ ที่ใครหลายคนอาจมองว่ามันเป็นเรื่องเล็ก หรืออาจมองข้ามมันไป แต่ในท้ายที่สุดแล้ว กลายเป็นตลกร้ายในเรื่องจริง หนังได้พาให้เราได้เห็นมุมมองของตัวละคร ที่ชื่อยุ่นในโลกของการทำอาชีพอิสระ ที่มีการแข่งขันสูงและต้องสูญเสียสุขภาพ กับการทำงานไม่เป็นเวลานั้นเอง ทำให้สุขภาพค่อยๆเสียหายไปทีละนิด
อีกทั้งใส่เรื่องความรักเข้ามา ทำให้เรื่องราวของทั้งสองนั้นดูธรรมชาติ และอินไปกับความรู้สึกของทั้งสอง ในการทำเพื่อใครซะคนหนึ่งหรือเพื่อตัวเอง นับว่าเป็นหนังของเต๋อ นวพล อีกเรื่องหนึ่งที่สร้างความแปลกใหม่ ให้กับหนังของเขาไปอีกขั้นหนึ่ง
ที่สามารถดึงผู้ชมหลายๆกลุ่ม ชื่นชอบหนังของเขาได้นั้นเอง เพราะด้วยความลงตัวของหนังเรื่องนี้ ที่เป็นทั้งหนังอินดี้และหนังแมทผสม เข้ากันจนทำให้เรื่องนี้น่าสนใจนั้นเอง จึงทำให้ มองว่า ฟรีแลนซ์ ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ
เป็นหนังอีกเรื่องที่เคยเป็นกระแสในสังคม อยู่ในช่วงเวลาหนึ่งจนถึงขั้นเป็น หนัง Coming of Age แห่งยุคในช่วงเวลานั้นเลยทีเดียว วัฒนธรรมของหนังได้แพร่หลาย ไปทั่วประเทศกับการพูดประโยคในหนัง หรือแม้กระทั่งแฟชั่นการแต่งตัว ร่วมเป็นกระแสที่หนังเรื่องนี้ ได้พาให้ทุกคนได้รู้จักวิธีการเล่าเรื่อง ที่ไม่เหมือนเรื่องอื่นๆนั้นเอง
