Happy Death Day หนังไล่ล่าฟอร์มเล็กที่ความบันเทิงได้ครบรส

Happy Death Day คือหนึ่งใน หนังเฮอร์เลอร์ ทริลเลอร์ ต้นทุนต่ำ ที่ประสบความสำเร็จทางด้านรายได้อย่างล้นหลาม
Happy Death Day มีการทำออกมาเป็นภาพยนตร์ถึง 2 ภาคด้วยกัน คือในปี 2017 และ 2019 ด้วยคอนเซปต์ของหนัง ที่ดูเวอร์วัง แต่มีความน่าสนใจ และให้ความรู้สึกถึงความลึกลับ ถึงแม้เรื่องราวในภาพยนตร์ จะมีสเกลที่ค่อนข้างเล็ก และมีแนวเรื่อง ที่ซ้ำกับภาพยนตร์ มาแล้วหลาย ๆ เรื่อง แต่ในภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็สามารถเล่าเรื่อง
โดยการนำเอาเรื่องของไทม์ลูป หรือการย้อนเวลา มาผสมผสาน เข้ากับ หนังฆาตกรรม และ หนังทริลเลอร์ ได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นด้านสยองขวัญ ลึกลับ ระทึกขวัญ และมุมคอมเมดี้ ที่จะมีครบในหนังเรื่องนี่้
ซึ่งก็สามารถทำออกมาได้ดีเกินคาดอีกด้วย โดยในวันนี้เราก็จะพาคุณผู้อ่านทุกท่าน ไปพบกับหนึ่งในหนังสเกลไม่ใหญ่ ทุนสร้างไม่เยอะ แต่ก็สามารถประสบความสำเร็จได้ สำหรับภาพยนตร์ทั้ง 2 ภาคนี้ด้วยกัน ขุนพันธ์
Happy Death Day ( 2017 ) กำกับภาพยนตร์โดย คริสโตเฟอร์ แลนดอน ผู้กำกับ หนังผี ทุนต่ำเรื่อง Paranormal Activity: The Marked Ones
โดยนักแสดงหลัก ๆ ในภาคนี้นี้ ประกอบด้วย เจสสิกา รอธ นักแสดงจาก หนังออสการ์ เรื่อง La La Land อิสราเอล บรูซซาร์ด นักแสดงจาก หนังดราม่า เรื่อง Jack of the Red Hearts และรูบี โมดีน นักแสดงจาก หนังคอมเมดี้ เรื่อง Stars in Shorts: No Ordinary Love
โดยเนื้อเรื่องในภาคแรกนี้ จะเล่าถึงเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นภายในมหาวิทยาลัย ที่ซึ่ง เทเรซ่า “ทรี” เจลแบมแมน (รับบทโดย เจสสิกา รอธ) กำลังศึกษาอยู่ หลังค่ำคืนของการฉลองปาร์ตี้ สำหรับเหล่านักศึกษาในมหาวิทยาลัย ทรี ก็ได้ตื่นมาในวันเกิดของเธอ
ภายในห้องพักของ คาร์เตอร์ เดวิส (รับบทโดย อิสราเอล บรูซซาร์ด)เพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่งของเธอ ด้วยอาการเมาค้างอย่างรุนแรง จนกระทั่งคืนนั้นเอง ระหว่างที่เธอกำลังจะเดินทาง ไปยังงานปาร์ตี้ เธอก็ถูกสังหาร โดยฆาตกรที่สวมหน้ากาก มาสคอตของมหาวิทยาลัย ในระหว่างทางที่กำลังจะไปงาน
แต่แล้วเธอก็ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ในห้องพักของ คาร์เตอร์ ซึ่งเป็นสถานที่เดิม และเวลาเดิม กับเมื่อตอนเช้า อีกทั้งเหตุการณ์ทุกอย่าง ยังเป็นเหมือนเดิม ด้วยความไม่แน่ใจ ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องจริงหรือไม่
เธอก็ได้พยายามหลีกเลี่ยงเส้นทางเดิม จากครั้งก่อน แต่อย่างไรก็ตาม ฆาตรกรสวมมาสคอตคนนั้น ก็ยังตามไปฆาตกรรมเธออีกครั้ง เหตุการณ์ทุกอย่างกลับไปเริ่มต้น ที่ห้องของคาร์เตอร์เช่นเดิม
และเธอก็ถูกตามล่า และฆาตกรรมอยู่อย่างนั้นเรื่อย ๆ โดยวิธีเดียว ที่จะจบเหตุการณ์นี้ได้ ก็คือการค้นหาว่าฆาตกรคนนี้เป็นใคร และหยุดยั้ง ไม่ให้ตัวเอง ถูกฆ่าอีกครั้งให้ได้
หนังฟอร์มเล็ก ที่ใช้ต้นทุนการผลิตเพียง 4 ล้านดอลลาร์ แต่มีความโดดเด่น จนสามารถกวาดรายได้ไปกว่า 125,479,266 ดอลลาร์
ถึงแม้จะไม่ได้ใช้นักแสดง ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ไม่ได้ใช้โลเคชั่นมากมาย อีกทั้งยังมีตัวละครหลักเพียงไม่กี่คน แต่กลับสามารถทำออกมา ได้ดีเกินคาด ผ่านบท และวิธีการดำเนินเรื่องที่กระชับ และครบรส
มีทั้งความเป็นคอมเมดี้ สืบสวน ไล่ล่า และฆาตกรรม อีกทั้งยังมีจุดหักมุมเล็ก ๆ ที่ดึงดูดความสนใจ และเพิ่มความน่าติดตาม ให้สามารถดูได้จนจบเรื่อง โดยไม่มีความรู้สึกเบื่อ ถึงแม้เรื่องบท อาจจะดูหลวม ๆ และไปคล้าย ๆ กับหนังหลาย ๆ เรื่องก็ตาม
Happy Death Day 2U ( 2019 ) หนังภาคต่อ ที่ยังคงใช้คอนเซปต์แบบเดิม แต่เพิ่มเติมคือใส่ความเป็น หนังไซไฟ เข้ามา
ซึ่งในภาคที่สองนี้เอง ยังคงได้ทั้งผู้กำกับคนเดิมอย่าง คริสโตเฟอร์ แลนดอน ที่กำกับในภาคแรก และนักแสดงหลักจากภาคแรกทั้ง เจสสิกา รอธ และ อิสราเอล บรูซซาร์ด ที่กลับมารับบทเดิม ซึ่งก็จะเล่าถึงเหตุการณ์ต่อจากภาคแรกทันที พร้อมกับใช้คอนเซปต์เรื่องการวนลูปอีกครั้ง
เพียงแต่ในภาคนี้ จะมีเรื่องของการนำเอาวิทยาศาสตร์ เข้ามาอธิบายถึงปรากฏการณ์ ที่เกิดขึ้นกับนางเอกในหนังภาคแรก โดยเนื้อเรื่องในภาคนี้ จะยังคงเล่าถึง เทเรซ่า “ทรี” เจลแบมแมน ภายหลังจากที่สามารถจัดการ กับฆาตกรในภาคแรกได้แล้ว
ในที่สุดเธอก็สามารถใช้ชีวิต ผ่านวันเกิดวันนั้นไปได้ แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากที่สามารถเริ่มต้นชีวิตใหม่ ได้เพียงไม่นาน ไรอัน เพื่อนร่วมชั้นของคาร์เตอร์ ที่กำลังสร้างเครื่องมือเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์
เพื่อพิสูจน์ทฤษฎีเรื่องของเวลา ก็ถูกฆาตกรรม โดยชายที่แต่งตัวเป็นมาสคอต ของมหาวิทยาแบบเดิมกับภาคแรก แต่ตัวเขากลับตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เหมือนวนลูปซ้ำเช่นเดียวกัน โดยหลังจากที่ไรอัน ได้เจอกับทั้งทรี และคาร์เตอร์ พวกเขาก็ได้รู้ถึงต้นตอ
และสาเหตุทั้งหมด เกี่ยวกับเหตุการณ์ประหลาด ๆ ที่เกิดขึ้น ว่ามันมาจากอุปกรณ์ ที่พวกของไรอันกำลังสร้างอยู่ เธอจึงได้เดินทาง กลับไปแก้ไขเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นในอดีต และเผชิญหน้ากับฆาตกรคนใหม่ ที่มุ่งหวังจะฆ่าทั้งตัวของเธอ และเพื่อนของเธอ
คือภาคต่อที่มีการเปลี่ยนมูด และแนวทางของหนัง ออกจากภาคแรกไปมากพอสมควร
โดยรวมแล้วอาจจะไม่ใช่เรื่องที่แย่สักทีเดียว กับการพยายาม แหวกแนวออกจากภาคเดิม โดยการใส่เรื่องของไซไฟ เข้ามาอธิบายถึงเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้น และฉากคอมเมดี้ที่มากขึ้น ถึงแม้จะทำออกมาได้ไม่ดี และไม่ได้รับควานิยม มากเท่าภาคแรกก็ตาม แต่ตัวหนังเรื่องนี้เอง
ก็ยังคงคอนเซปต์ ของการเป็นหนังฟอร์มเล็ก ที่สามารถเอาไว้ดูแก้เซ็ง และดูฆ่าเวลาได้ดีเกินคาด โดยรายได้รวมในภาคนี้นั้น ต่ำกว่าภาคแรกอยู่มาพอสมควร โดยทำรายได้ทั่วโลกไปกว่า 64,600,152 แต่จากทุนสร้างเพียง 9 ล้านดอลลาร์
ก็ยังถือว่าได้กำไรอยู่มากพอ ที่จะถูกสร้าง ภาคที่ 3 ออกมาให้ได้รับชมกันอีกในอนาคต โดยในภาคนี้ถึงแม้ว่าเนื้อเรื่อง อาจจะไม่ได้ให้ความรู้สึกถึง ความสดใหม่ เท่ากับภาคแรก อีกทั้งยังมีเรื่องราว ความเป็นไซไฟ ที่ไม่ค่อยจะเข้ากันกับหนัง UFABET
และมีความไม่สมเหตุสมผลมากนัก แต่ทางด้านปม และจุดขัดแย้ง ในความวุ่นวายต่าง ๆ กับวิธีการเล่าเรื่อง พัฒนาเรื่องราว ทาง beboframe.com กลับมองว่าสามารถทำออกมาได้ค่อนข้างดี และมีความสนุก บันเทิงอยู่พอสมควรเลยทีเดียว
ถึงแม้จะมีการเปลี่ยนประเด็น ของหนังจากภาคแรก ตรงเรื่องของการสืบสวน และตามเปิดโปงตัวฆาตกร รวมทั้งจุดขายหลักจากภาคแรก อย่างการตามล่าเหยื่อของฆาตกร ไปก็ตาม แทงบอลออนไลน์