Shrek เรื่องราวการผจญของยักษ์ตัวเขียว ที่ผ่านมานานแค่ไหน ก็ยังคงเป็นที่รู้จัก

Shrek หนังการ์ตูน อนิเมชั่น แนวคอมเมดี้ ที่เปิดตัวภาคแรกด้วยการคว้ารางวัลออสการ์
Shrek ภาพยนตร์ อนิเมชั่น เรื่องดังที่ครั้งหนึ่ง เคยกลายเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ อนิเมชั่นที่ดีที่สุด แห่งปี จากผลงานการคว้ารางวัลออสการ์ ใน สาขาภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยมมาก่อน โดยเชร็คนั้น มีการสร้างเป็นอนิเมชั่น ออกมาถึง 4 ภาคด้วยกัน และยังนับได้ว่า เจ้าตัวการ์ตูนยักษ์สีเขียว ที่มีชื่อว่าเชร็คตัวนี้ เป็นหนึ่งในตัวการ์ตูนอนิเมชั่น ที่โด่งดัง และเป็นที่รู้จักมากที่สุด สำหรับในอดีต และยังเป็นอนิเมชั่น ที่ได้รับความนิยม เป็นอย่างสูงอยู่
จนกระทั่งปัจจุบัน ถึงแม้ความจุดพีค ของหนังอนิเมชั่นชุดนี้ จะอยู่ที่ภาค 2 ก่อนที่จะค่อย ๆ ได้รับความนิยม ลดลงไปเรื่อย ๆ ประกอบคำวิจารณ์ ที่ออกมาแย่ลงในภาค 3 และ 4 โดยในวันนี้เอง Captain Phillips
เราก็จะมานำเสนอ อนิเมชั่นเรื่องดังเรื่องนี้ ทั้งสี่ภาค ว่าแต่ละภาคนั้น มีเนื้อหาคร่าว ๆ เป็นอย่างไร สำหรับผู้ที่มีความสนใจอยากจะดู หรือผู้ที่อาจจะจำเนื้อหาบ้างไม่ได้แล้ว เพราะหากนับดูระยะเวลา ที่เริ่มฉายภาคแรกในปี 2001 ก็ผ่านมานานพอสมควรแล้วเช่นกัน
จุดกำเนิดเรื่องราว การผจญภัยของยักษ์ตัวสีเขียว ที่มีชื่อว่าเชร็ค และออกฉายเมื่อปี 2001
โดยในภาคแรกนั้น จะเล่าถึงนิทานเรื่องหนึ่ง ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเจ้าหญิง ที่ถูกขังเอาไว้ภายในปราสาท ที่ถูกปกป้องโดยมังกร โดยรอคอยให้ใครสักเข้ามาช่วยเธอ จากนั้นจึงเริ่มเล่าถึงเชร็ค ยักษ์ตัวสีเขียว ที่อาศัยอยู่บริเวณหนองน้ำ ที่ทั้งสันโดษ และเงียบสงบ
จนกระทั่งวันหนึ่ง เหล่าตัวละคร จากนิทานเรื่องอื่น ๆ ก็ถูกลอร์ดฟาร์ควาดท์ ทำการเนรเทศออกมา จึงได้มาอาศัยอยู่ที่ บริเวณบ้านของเขา ด้วยความที่ต้องการ ที่จะรักษาทั้งบ้าน และความสงบสุข เชร็คจึงได้ไปทำข้อตกลง กับลอร์ดฟาร์ควาดท์
และได้รับมอบหมายภารกิจ ในการเข้าไปช่วยเหลือ เจ้าหญิงฟิโอน่า ผู้ที่กำลังรอคอยความรัก อยู่ที่หอคอย เพื่อให้เจ้าหญิงได้แต่งงาน กับลอร์ดฟาร์ควาดท์ โดยในภาคแรกนั้น
นับได้ว่าเป็นหนัง ที่ทำออกมาได้คะแนน และคำวิจารณ์ออกมาเป็นแง่บวก มากที่สุดจากทั้งหมด 4 ภาค อีกทั้งยังเป็นภาคเดียว ที่สามารถคว้ารางวัล และกลายเป็น หนังออสการ์ มาครองได้อีกด้วย โดยมีทุนในการสร้างภาคนี้ที่ 60 ล้านดอลลาร์ แต่สามารถทำรายได้ทั่วโลกเอาไว้ที่ 484,409,218 ดอลลาร์
ภาคต่อที่ประสบความสำเร็จ ทางด้านรายได้เป็นอย่างสูง และเป็นภาคที่สามารถทำรายได้ทั่วโลกมากที่สุด
ด้วยจำนวนรายได้ทั้งหมดกว่า 928,760,770 ดอลลาร์ โดยในภาคที่สองนี้ กำกับภาพยนตร์โดย แอนดรู อดัมสัน ซึ่งถือได้ว่าเป็นผู้กำกับหน้าใหม่ มีผลงานสำหรับภาพยนตร์ เพียงแค่ เชร็คในภาคแรก และภาคนี้
ก่อนที่ในปีถัดไป เขาจะได้กำกับ หนังแฟนตาซี อย่าง The Chronicles of Narnia: The Lion, the Witch and the Wardrobe โดยเนื้เรื่องของภาคนี้นั้น จะเล่าถึงเหตุการณ์ ที่ต่อจากภาคแรก โดยหลังจากที่เชร็ค ได้ทำการช่วยเหลือเจ้าหญิงฟิโอน่าแล้ว
ทั้งคู่ก็ได้ทำการแต่งงานกัน และเริ่มใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุข ภายในบ้านของเชร็ค ที่ริมหนองน้ำเอง แต่หลังจากที่กษัตริย์แฮโรล และราชินีลิลเลียน ได้ทราบข่าวถึงการแต่งงาน ของลูกสาวอย่างเจ้าหญิงฟิโอน่า
พวกเขาจึงได้ทำการเชิญ ให้ทั้งเชร็ค และฟีโอน่าไปยังพระราชวัง เพื่อจัดงานเฉลิมฉลองให้ แต่เมื่อกษัตริย์ได้เห็นว่าเชร็คนั้น เป็นยักษ์ จึงได้พยายาม ทำการขัดขวางการแต่งงาน
โดยจุดเด่น ๆ ของภาคนี้นั้น จะแตกต่างออกจากภาคแรก ตรงวิธีการเล่าเรื่องที่รวดเร็ว มากกว่าภาคแรก อีกทั้งงาน ทางด้านเอฟเฟค และมิติของภาพที่ดีกว่าเดิม รวมทั้งบทของภาพยนตร์ ที่ผสมเรื่องราวของการผจญภัย กับความโรแมนติก ได้มากกว่าภาคแรกนั่นเอง
Shrek the Third หรือเชร็คภาคที่ 3 ที่เข้าฉายเมื่อปี 2007 และกำกับภาพยนตร์โดย คริส มิลเลอร์ ผู้กำกับหนังหน้าใหม่
นับเป็นครั้งแรก ที่หนังชุดเรื่องนี้ ได้ทำการเปลี่ยนตัว ของผู้กำกับจากภาคที่ 1 และ 2 โดยตัวของมิลเลอร์เอง ก็นับได้ว่าเป็นผู้กำกับหน้าใหม่เลยทีเดียว ไม่ยังไม่เคยมีผลงาน ทางด้านการกำกับหนังยาวมาก่อน จึงทำให้ในภาคที่ 3 นี้
คะแนนของหนัง และคุณภาพนั้น ลดลงจากภาคที่ 2 พอสมควรเลยทีเดียว แต่ก็ยังเป็นภาค ที่สามารถทำกำไรได้สูงมาก เช่นกันอยู่ดี ด้วยรายได้ทั่วโลกกว่า 813,367,380 ดอลลาร์ ซึ่งเนื้อเรื่องในภาคนี้นั้น ก็จะเล่าถึงเหตุการณ์ ต่อจากในภาคที่สอง
เมื่อกษัตริย์ฮาโรลด์ เริ่มมีอาการป่วยหนักขึ้น และก่อนที่เขาจะสิ้นพระชนม์ เขาก็ได้ทำการฝากฝังให้เชร็คนั้น สืบทอดบัลลังก์ต่อ แต่อย่างไรก็ตามตัว ของเชร็คนั้นไม่ได้ต้องการ ที่จะเป็นกษัตริย์
เขาจึงตัดสินใจที่จะหาทายาท ที่ถูกต้องตา่มกฏ ขึ้นมาครองบัลลังก์ จึงได้เดินทางไปยังอาณาจักร ที่อยู่ห่างไกลออกไป เพื่อค้นหาผู้ที่เหมาะสม และก็ต้องต่อสู้ เพื่อขัดขวางไม่ให้เจ้าชายชาร์มมิ่ง ที่ร่วมมือกับเหล่าวายร้ายทั้งหลาย ในการวางแผนรัฐประหารเพื่อเป็นกษัตริย์องค์ใหม่
Shrek Forever After ภาพยนตร์เรื่องล่าสุด เรื่องราวการผจญภัยครั้งใหม่ของเจ้ายักษ์เขียว
ซึ่งกำกับภาพยนตร์โดย ไมค์ มิตเชลล์ ผู้กำกับของ หนังคอมเมดี้ เรื่อง Sky High โดยสำหรับภาพยนตร์เรื่องเชร็ค ในภาคนี้นั้น ถือได้ว่าเป็นภาคที่มีต้นทุน ในการสร้างที่สูงมากที่สุด ในจำนวนภาคทั้งหมดเลยทีเดียว จากต้นทุนในการสร้างกว่า 165,000,000 ดอลลาร์
ซึ่งก็สามารถทำรายได้ทั่วโลกไป 752,600,867 ดอลลาร์ และนอกจากนี้แล้ว ภาคล่าสุดนี้เอง ยังมีการนำเทคโนโลยีสามมิติ มาใช้ในภาพยนตร์อีกด้วย ซึ่งเนื้อหาคร่าว ๆ ในภาคนี้ ก็จะเล่าถึงเชร็ค ในช่วงที่ตัวของเขานั้น ได้กลายไปเป็นคุณพ่อลูกสาม ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โดยวิถีชีวิตของเขา และวิธีในการใช้ชีวิตประจำวัน ไปอย่างเบื่อหน่าย จึงทำให้เชร็คเริ่มคิดถึงช่วงเวลาเก่า ๆ ในอดีต ช่วงที่ผู้คนต้องกลัวเขา ซึ่งนั้นเองก็ทำให้เชร็ค ได้ตัดสินใจในการทำสัญญากับ รัมเพลสตีลต์กินส์ เพื่อที่ต้องการจะย้อนเวลา เหตุการณ์ ให้ตัวเขานั้นสามารถกลับกลายไปเป็นยักษ์จริง ๆ
อย่างที่เขาเคยเป็นในอดีต โดยไม่ได้รู้จักกับเพื่อน ๆ รวมทั้งฟิโอน่า โดยถึงแม้ช่วงแรก ๆ เขาจะรู้สึกสนุกไปกับมัน แต่สุดท้ายแล้วเขา ก็พบได้ว่าเขาต้องการ ที่จะใช้ชีวิตกับฟีโอน่ามากกว่า แต่วิธีการที่จะกลับไปเป็นอย่างนั้นได้ ก็คือต้องทำการจูบกับฟิโอน่า ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น
เป็นอย่างไรกับบ้างกับเรื่องราวย่อ ๆ ของ หนังดี ๆ หนึ่งในหนังอนิเมชั่น ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ที่ทาง beboframe.com นำเสนอมาให้ ซึ่งหลังจากทิ้งช่วงจากภาคที่สี่ไปถึง 10 ปีนั้น แทงบอลออนไลน์
ก็มีข่าวคราวของภาคที่ห้าออกมา ซึ่งก็จะมีกำหนดเข้าฉายในปี 2022 นั้นเอง สุดท้ายก็ได้แต่หวังว่าเรื่องราว การผจญภัยของเจ้ายักษ์ตัวนี้ จะกลับมาบูม และสร้างออกมาได้ดี น่าสนใจ ได้เท่ากับทางภาคแรกนั้นเอง UFABET